วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji)

วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji)

วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในนิกโก สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 784 โดยปรมาจารย์โชโด ผู้เป็นนักพรตศักดิ์สิทธิ์ (ค.ศ. 735-817) เดิมเป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญเพียร วัดในเครือของวัดรินโนจิ (Rinnoji) แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในปัจจุบัน คือ ทาชิกิ คันนง (Tachiki Kannon) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปสลักไม้สูง 6 เมตรของพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร (Senju Kannon) ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ปรมาจารย์โชโดแกะสลักด้วยตัวเองเมื่อกว่า 1,200 ปีก่อน เป็นประติมากรรมที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในนิกโก และถูกกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ

แต่เดิมวัดชูเซ็นจิ (Chuzenji ) ถูกสร้างขึ้นที่เชิงเขา นันไต (Nantai) อันที่ตั้งของศาลเจ้านิกโกฟูตาราซัง-ชูกูชิ (Nikko Futarasan Chugushi) ในปัจจุบัน วัดนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางแสวงบุญไปยังยอดเขา นันไต อย่างไรก็ตาม ในสมัยเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) เกิดแผ่นดินถล่มครั้งใหญ่กวาดลงมาจากภูเขา และพัดพาวัดและรูปสลักไม้พระโพธิสัตว์กวนอิม (Tachiki Kannon) ลงไปในทะเลสาบ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ รูปสลักโบราณรอดพ้นจากภัยพิบัติ ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำและถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งห่างออกไปหลายร้อยเมตร วัดจึงถูกสร้างขึ้นใหม่ ณ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่ได้รับการคัดเลือกจากพระโพธิสัตว์กวนอิม

ประตูนิโอมง (Niomon)

เส้นทางหลักที่มุ่งไปยังวัดชูเซ็นจิ (Chuzenji ) ได้รับการปกป้องด้วยประตูสีแดงขนาดใหญ่ที่เรียกว่าประตูนิโอมง (Niomon) ซึ่งอยู่ด้านหลังรูปปั้นเทพผู้พิทักษ์นิโอ (Nio) สีแดงเข้มสองตนที่ตั้งตระหง่านอยู่ การแสดงออกที่ดุดันและร่างกายอันกำยำของพวกเขาใช้ขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ประตูในลักษณะที่คล้ายกันนี้ สามารถพบได้ที่วัดและศาลเจ้าบางแห่งทั่วญี่ปุ่น

หอฮาชิริ ไดโคคุเท็นโด (Hashiri Daikokutendo)

หอไดโคคุเท็นวิ่ง หรือหอฮาชิริ ไดโคคุเท็นโด (Hashiri Daikokutendo) ตั้งอยู่สุดเส้นทางหลักของวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม (Kannon) โดยได้รับการตั้งชื่อตามวิญญาณที่ช่วยให้ปรมาจารย์โชโดไปถึงยอดเขา นันไต (Nantai) ตามตำนานปรมาจารย์โชโดได้พยายามแต่ก็ล้มเหลวถึงสองครั้งเพื่อไปถึงยอดเขา ก่อนการพยายามเป็นครั้งที่สาม ในขณะที่เขาอธิษฐานอย่างแรงกล้าที่ชายฝั่งของทะเลสาบชูเซ็นจิ (Chuzenji) ทันใดนั้น เทพเจ้าไดโคคุเท็น (Daikokuten) ก็ปรากฏตัววิ่งข้ามบนผิวน้ำ ด้วยความช่วยเหลือของเทพเจ้า ปรมาจารย์โชโดจึงประสบความสำเร็จในการขึ้นไปถึงยอดเขา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฮาชิริ ไดโคคุเท็นมาประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้

วิหารหลักฮนโด (Hondo)

วิหารหลักหรือฮนโด (Hondo)เป็นที่ประดิษฐานรูปสลักไม้พระโพธิสัตว์กวนอิม (Tachiki Kannon) กล่าวกันว่า ปรมาจารย์โชโดได้แกะสลักรูปปั้นขนาดใหญ่นี้หลังจากที่ได้เห็นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม (Kannon) สีทองเหนือทะเลสาบ ด้วยแรงบันดาลใจนั้น เขาแกะสลักรูปปั้นเป็นชิ้นเดียวจากลำต้นของต้นคัตสึระขนาดใหญ่ที่ยังมีชีวิต ซึ่งเป็นสาเหตุที่รูปสลักนี้เรียกว่าทาจิกิ (Tachiki) หรือ "ต้นไม้ยืน" พระโพธิสัตว์กวนอิมนี้มีสิบเอ็ดหน้าและมีพันกร พระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร สิบเอ็ดหน้า แสดงใบหน้าที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของการขอพร ในขณะที่พันกรแสดงถึงความสามารถที่แตกต่างกันมากมายทีเทพเจ้ามีไว้เพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ

หอโกไดโด (Godaido)

อาคารหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาอยู่เหนือจากวิหารหลักขึ้นไป โดยเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของราชาผู้ทรงภูมิปัญญาทั้งห้า ซึ่งเป็นเทพผู้พิทักษ์คำสอนของพระพุทธศาสนา รูปปั้นตรงกลาง คือ ฟูโดเมียวโอ (Fudo Myo-o) ผู้ปกป้องนักพรตโดยตัดความปรารถนาทางโลกด้วยดาบของเขา อีกสี่ตนปกป้องทิศทั้งสี่ เพดานของหอประดับด้วยมังกรอันงดงาม โดยศิลปินชื่อดัง คาตายามะ นัมปุ (Katayama Nanpu) (ค.ศ. 1887-1980) ได้บูรณะภาพวาดมังกรบนเพดานของหอยาคุชิโด (Yakushido) ที่ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu) หอโกไดโด (Godaido) มีทัศนียภาพที่งดงามของทะเลสาบ ชูเซ็นจิ (Chuzenji) และภูเขาโดยรอบ

 


แผนผังบริเวณ

TOP
Nikko-zan Rinnoji

© Nikko-zan RINNO-JI Temple